ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกทีมชาติไทย ส่อชวดคว้าดาวซัลโวตลอดกาลทัวร์นาเมนต์ “ซูซูกิ คัพ” หลังโปรแกรมหวดไม่ใช่ช่วงฟีฟ่าเดย์ สโมสร ชิมิสึ เอสพัลส์ คงไม่ปล่อยตัว 100% โดย “มุ้ย” ยิงไปแล้ว 15 ประตูจากการลงแข่งขัน 3 ครั้งที่ผ่านมา ตามหลังดาวซัลโวสูงสุดที่ซัดไป 17 ลูกอย่าง นอห์ อลัม ชาห์ ศูนย์หน้าทีมชาติสิงคโปร์ เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่จะทำการฟาดแข้งกันระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม ซึ่งทาง สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ออกมายืนยันแล้วว่า ยังยึดกำหนดแข่งขันตามเดิม แม้มีหลายรายการต้องถูกเลื่อนไปแข่งในปี 2021 จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
แต่จากโปรแกรมที่ค่อนข้างอัดแน่น ทำให้ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เคยออกมายอมรับว่า ทีมชาติไทยอาจจะส่งชุดเด็กลงแข่งขัน เนื่องจากช่วงทัวร์นาเมนต์ ซูซูกิ คัพ ไม่ใช่ช่วงของฟีฟ่าเดย์ ทำให้สโมสรคงไม่ปล่อยตัวนักเตะมาเล่นทีมชาติอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ 4 แข้งที่ค้าแข้งอยู่ในเจลีก ญี่ปุ่น ทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน รวมถึง ธีรศิลป์ แดงดา
จากกรณีดังกล่าวทำให้ ธีรศิลป์ กองหน้าวัย 31 ปี ของชิมิสึ เอสพัลส์ หมดสิทธิ์ลุ้นคว้าดาวซัลโวตลอดกาลของซูซูกิ คัพ หลังจากที่เจ้าตัวกระทุ้งไปแล้ว 15 ประตู แบ่งเป็นปี 2008 ยิงได้ 4 ลูก, ปี 2012 ยิงได้ 5 ลูก และปี 2016 ยิงอีก 6 ลูก อยู่อันดับที่ 2 เท่ากับ วรวุฒิ ศรีมะฆะ และ เล คอง วินห์ หัวหอกทีมชาติเวียดนาม ซึ่งแขวนสตั๊คไปแล้วทั้งสองคน โดยตามหลังดาวซัลโวตลอดกาล ซูซูกิคัพ ที่ซัดไป 17 ประตู อย่าง นอห์ อลัม ชาห์ ศูนย์หน้าทีมชาติสิงคโปร์ เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น
สำหรับฟุตบอล ซูซูกิ คัพ จัดมาแล้วทั้งหมด 12 ครั้ง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย คว้าแชมป์มากสุด 5 สมัย ในปี 1996, ปี 2000, ปี 2002, ปี 2014, ปี 2016 ตามด้วย สิงคโปร์ 4 สมัย, เวียดนาม 2 สมัย และ มาเลเซีย 1 สมัย